“สโตร์เมท” น้องใหม่ อนาคตไกลแห่งวงการเหล็กกล้า รุกพัฒนาโครงสร้างภายใน ปั้นธุรกิจขยายการเติบโตอย่างมั่นคง
สโตร์เมท ย้ำศักยภาพธุรกิจในแวดวงเหล็กกล้า ชูจุดเด่น เน้นความแตกต่าง ด้านผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ “ธันวา ลงทอง” เผยแผนธุรกิจปี 64 เตรียมเปิดเยี่ยมชมโรงงานใหม่ พร้อมต่อยอดการพัฒนาโครงสร้างบริษัท ทุ่มเงินลงทุนด้านเครื่องจักร-สต็อกสินค้า รองรับการเติบโตในอนาคตอย่างมั่งคง
คุณธันวา ลงทอง กรรมการบริษัท สโตร์เมท จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเหล็กเกรดพิเศษสำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม กล่าวว่า สโตร์เมทเป็นบริษัทน้องใหม่ ที่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2559 จากการทำ Trading Business หรือธุรกิจซื้อมาขายไปสำหรับเหล็กกล้าเกรดพิเศษ ซึ่งต่อมาได้มีการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมที่เป็นวัตถุดิบเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท โดยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมและรองรับการเติบโตของภาคการผลิต 3 กลุ่มคือ ผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าสำหรับทำแม่พิมพ์และเครื่องมือ ผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าสำหรับชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และผลิตภัณฑ์ Cutting tools สำหรับงานกลึง-เจาะ-กัด กับโลหะทุกชนิด
บริษัทเน้นการบริหารงานภายในองค์กรต่อยอดจากปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทให้เข้มแข็ง ตั้งแต่การบริหารจัดการบุคลากร การกำหนดนโยบายเรื่องแผนการทำงาน การผลิต การขนส่ง การจัด Layout การเพิ่มกำลังคน รวมถึงการเข้าสู่ระบบมาตรฐาน ISO 9001
แม้สโตร์เมทจะเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจได้เพียง 5 ปี แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มออโตโมทีฟ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโรงงานไฟฟ้า กลุ่มโรงงานน้ำตาล และล่าสุดคือกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยบริษัทมีจุดเด่นในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าที่นำเข้าจากประเทศเยอรมนี เกาหลี และจีน มีการรับประกันสูง พร้อมบริการก่อนและหลังการขาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบริการให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ จากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะ เพื่อให้ลูกค้านำสินค้าไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้น จุดเด่นเหล่านี้จึงถือเป็นความแตกต่างที่สร้างความเติบโต ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจในสินค้าของสโตร์เมท
คุณธันวา กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2564 ว่า บริษัทเน้นการบริหารงานภายในองค์กรต่อยอดจากปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทให้เข้มแข็ง ตั้งแต่การบริหารจัดการบุคลากร การกำหนดนโยบายเรื่องแผนการทำงาน การผลิต การขนส่ง การจัด Layout การเพิ่มกำลังคน รวมถึงการเข้าสู่ระบบมาตรฐาน ISO 9001 ให้ได้ภายในปีนี้ และจากการเติบโตของปีที่ผ่านมา (2563) ทำให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ยังเป็นบริษัทขนาดเล็ก ระบบการบริการต่างๆ อาจยังไม่ทั่วถึง จึงทำให้ต้องมีแผนในการพัฒนาโครงสร้างภายใน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต อีกทั้งบริษัทได้ทุ่มงบลงทุนประมาณ 26 ล้านบาท สำหรับการเพิ่มสต็อกสินค้าจากเดิม 40% ขยายเพิ่มเป็น 60% และสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาตัดเหล็กตามไซส์ที่ลูกค้าต้องการ
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดโรงงานใหม่ที่จังหวัดสมุทรสาคร อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2564 พร้อมพากลุ่มลูกค้าหลักเข้าเยี่ยมชมโรงงาน เพื่อให้เห็นถึงศักยภาพการทำงานในทุกขั้นตอนการผลิต ด้วยผลิตภัณฑ์และเครื่องจักรที่ได้มาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งได้รับรู้ถึงแหล่งที่มาของสินค้า การรับและส่งมอบที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าของบริษัท
“ผมมองว่าในอุตสาหกรรมที่เราทำอยู่มันโตมาด้วยมาร์จิ้นที่สูงมาก ทำให้มีผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกันเยอะขึ้น อีกทั้งผู้ผลิตจากต่างประเทศที่เรานำสินค้าเขาเข้ามา ก็มาขายมาทำตลาดเองในเมืองไทย ฉะนั้นด้วยการแข่งขันที่สูง นอกจากการบริหารจัดการตามแผนที่เราวางไว้แล้ว เรายังต้องเพิ่มในเรื่องของการเซอร์วิส และเรื่องของ Brand Loyalty เพราะในเมื่อผลิตภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์ตลาด ลูกค้าสามารถซื้อที่ไหนก็ได้ สิ่งที่เราต้องทำคือสร้างความแตกต่างด้วยบริการที่ดีขึ้น เราถึงได้ Grand Opening โรงงานใหม่ และสื่อสารกับลูกค้าเดิมเป็นหลัก และไม่เร่งยอดขายมาก เพื่อให้การจัดการของเราเป็นไปอย่างราบรื่น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าเดิมให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อยไปขยายลูกค้าใหม่ๆ เพื่อจะโตต่อไปอนาคต” คุณธันวากล่าว
สำหรับเป้าหมายในปี 2564 คุณธันวา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไม่ต่างจากปี 2563 ที่ผ่านมา คาดว่าจะบวกหรือลบประมาณ 10% เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้คาดหวังในส่วนของยอดขาย และการรุกขยายตลาดมากนัก เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบันที่ยังไม่แน่นอน และสโตร์เมทยังถือเป็นก้าวแรกในการดำเนินธุรกิจอยู่ ทำให้เป้าหมายสำคัญที่บริษัทจะโฟกัสมากที่สุดจึงเป็นเรื่องของผลกำไร ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 20%
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่สโตร์เมทดำเนินการอยู่ เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องอิงกับโครงสร้างพื้นฐานและกำลังการผลิตของประเทศ เมื่อการผลิตหรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ในประเทศดี ก็จะส่งผลดีกับบริษัทเช่นกัน ดังนั้น แนวโน้มในแต่ละปีจะต้องดูกำลังการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นกระแสหรือเทรนด์ในปีนั้นๆ อาทิ ปี 2564 คาดว่าอุตสาหกรรมด้านยานยนต์จะฟื้นตัวกลับมา สโตร์เมทอาจจะสต็อกสินค้าสำหรับเหล็กที่เป็นความต้องการด้านยานยนต์มากขึ้น หรือในปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นลงทุนด้านโรงไฟฟ้า บริษัทจึงต้องผลิตสินค้า